สินค้าคงคลัง
ในระบบสินค้าคงคลังจะประกอบด้วยเอกสารต่าง ๆ ที่กระทบกับยอดคงเหลือหรือความเคลื่อนไหวของสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อการขาย
เอกสารในระบบสินค้าคงคลัง
ประกอบด้วย
·
ตรวจนับสินค้า
·
ปรับเพิ่ม/ลดสินค้า
· รับสินค้าภายใน
· จ่ายสินค้าภายใน
ตรวจนับสินค้า
การตรวจนับสินค้า หมายถึงการตรวจนับสินค้าทั้งแผนกหรือทั้งร้าน
ถ้าท่านยังจำได้ เราเคยกล่าวว่าสินค้า 1 ตัว สามารถมีได้หลายบาร์โค้ด เช่น
รหัสสินค้าประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาจจะมี 2 บาร์โึค้ด คือ
บาร์โค้ดที่ขายเป็นซอง และบาร์โค้ดที่ขายเป็นแพ็ค 3 ซอง
ซึ่งไม่ว่าจะขายด้วยบาร์โค้ดใด การตัดสต็อกก็จะตัดเป็นซอง
เพราะเราได้กำหนดหน่วยนับสต็อกเอาไว้เป็นซอง
นั่นหมายความว่าในยามที่เราทำการตรวจนับสินค้านั่น ก็จะมีสินค้าหลากหลายหน่วยภายใต้รหัสสินค้าสินค้าเดียวกัน ฉะนั้นการตรวจนับก็จะต้องระบุบาร์โค้ดที่ตรวจนับตามจริง เช่น
สมมุตว่า ตรวจนับสินค้ารหัส MA-001 มาม่า รสหมูสับ ได้ข้อมูลดังนี้
บาร์โค้ด 8850029204543 นับได้ 10 ซอง
บาร์โค้ด 8850029204357 นับได้ 5 แพ็ค (1 แพ็ค = 3 ซอง)
ฉะนั้นยอดที่นับได้ตามหน่วยสต็อกจริง ก็คือ 25 ซอง
ในหน้าเอกสารใบตรวจนับจะมี
2 หน้า คือ
รายการสินค้า (ตามหน่วยนับ)
เป็นหน้าที่ท่านใช้บันทึกข้อมูลการตรวจนับตามที่นับได้จริงสรุปตามบาร์โค้ด
รายการสินค้า (ตามหน่วยย่อย)
เป็นหน้าที่แสดงข้อมูลสรุปยอดตรวจนับตามรหัสสินค้า (ยอดรวมของบาร์โค้ดที่เป็นรหัสสินค้าเดียวกัน)
ลองทำตามขั้นตอนดังนี้
การทำใบตรวจนับนั้น ท่านสามารถทำโดยกำหนดวันที่ย้อนหลังก็ได้ เพราะโปรแกรมจะคำนวณสต็อกให้ท่านใหม่อย่างถูกต้องตามวันที่ในเอกสาร
หลังจากที่ยืนยันใบตรวจนับแล้ว โปรแกรมจะนำผลต่างที่ได้จากการตรวจนับไปบันทึกลงในสต็อกการ์ดเพื่อปรับยอดคงเหลือให้เท่ากับยอดที่ตรวจนับได้ ณ วันที่ตรวจนับสินค้า
ปรับยอดสินค้าเพิ่ม/ลดสินค้า
การปรับสต็อกนั้น จะใช้ในกรณีที่ต้องการปรับปรุงยอดคงเหลือของสินค้าบางตัว ไม่ใช่การตรวจนับใหญ่ เช่น หากพบว่ามีสินค้าบางตัวที่ยอดคงเหลือผิดเพี้ยนไป โดยหาสาเหตุไม่ได้ ก็ให้ทำใบปรับสต็อกนี้
ลองทำตามขั้นตอนดังนี้
รับสินค้าภายใน
รับสินค้าภายใน หมายถึงการรับสินค้าเข้าคลังที่ไม่ใช่การซื้อ เช่น รับจากการผลิต
ลองทำตามขั้นตอนดังนี้
จ่ายสินค้าภายใน
จ่ายสินค้าภายใน
หมายถึงการจ่ายสินค้าออกจากคลังที่ไม่ใช่การขาย เช่น เบิกใช้ส่วนตัว
จ่ายสินค้าเป็นตัวอย่าง
ลองทำตามขั้นตอนดังนี้